หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาวุธนำวิถี C-802 A เขี้ยวเล็บของเรือฟริเกต ราชนาวีไทย


อาวุธนำวิถี C-802 A เป็นอาวุธนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ ชื่อย่อ YJ-82 (Eagle Strike) หรือชื่อที่ทางนาโต้เรียกขาน CSS-N-8 Saccade ผลิตโดย China Haiying Electro-Mechanical Technology Academy (CHETA) สาธารณรัฐประชาชนจีน

เรือหลวงกระบุรี (457)

เรือหลวงสายบุรี (458)

 อาวุธนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ C-801 (ปัจจุบันถูกถอดออก และแทนที่ด้วย C-802 A)

 อาวุธนำวิถี C-802 A ที่ติดตั้งในเรือฟริเกต ร.ล.กระบุรี และ ร.ล.สายบุรี ของราชนาวีไทย

กองทัพเรือไทยได้จัดหาอาวุธนำวิถี C-802 เข้าประจำการแทนอาวุธนำวิถี C-801 (ระยะยิง 42 กม.) ที่ติดตั้งบนเรือฟริเกต ร.ล.กระบุรี และ ร.ล.สายบุรี ซึ่งประจำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 โดยอาวุธนำวิถี C-802 ที่จัดหามาใหม่เป็นรุ่นล่าสุด คือ C-802 A มีระยะยิงไกลถึง 180 กิโลเมตร (C-802 รุ่นแรกมีระยะยิงไกลสุด 120 กม.) C-802 A ได้รับการพัฒนาระบบต่างๆ ทั้งระบบควบคุมการยิง ตัวอาวุธถูกพัฒนาให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ถูกออกแบบให้ถูกต้องตามหลักแอโรไดนามิก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทรงตัวขณะที่ลูกอาวุธนำวิถีโคจรไปในอากาศ และสามารถหันเลี้ยวได้อย่างถูกต้องตามที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์กำหนด ระบบนำร่องได้รับการพัฒนาให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น จากดาวเทียมระบบ GNSS หรือระบบ GPS การวัดความสูงของอาวุธนำวิถีขณะโคจรเรี่ยพื้นน้ำจากเดิมที่ใช้เรดาร์วัดความสูง ซึ่งฝ่ายข้าศึกสามารถตรวจพบได้ด้วยระบบ ESM ถูกเปลี่ยนมาใช้ระบบเลเซอร์วัดความสูงแทน ความสูงขณะโคจรเข้าหาเป้าหมายถูกลดลงมาเหลือแค่ 3-5 เมตร ซึ่งทำให้การตรวจจับของฝ่ายข้าศึกยากยิ่งขึ้น และระบบป้องกันของเรือไม่สามารถกระทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อใกล้ถึงเป้า อาวุธจะพุ่งชนเป้าที่เส้นระดับแนวน้ำ และสร้างความเสียหายต่อเรือด้วยหัวรบเจาะเกราะระเบิดแรงสูง ขนาด 165 กิโลกรัม ด้วยชนวนถ่วงเวลา หัวรบจะพุ่งเจาะทะลุทะลวงเข้าไปในเนื้อเหล็กของเรือแล้วถึงเกิดการระเบิด อานุภาพของมันเพียงลูกเดียว ก็สามารถทำลายหรือหยุดยั้งเรือขนาดน้อยใหญ่ทั้งหลายได้ทันที

C-802 A มีโหมดค้นหาเป้าหมาย 6 โหมด โดยกำหนดให้อาวุธค้นหาเป้าขนาดใหญ่ เป้าขนาดเล็ก เป้าทางซ้าย เป้าทางขวา เป้าระยะใกล้และเป้าระยะไกล

ระบบค้นหาของอาวุธนำวิถี C-802 A เป็นแบบผสมผสานกัน 3 แบบคือ นอกจากระบบเรดาร์ ระบบค้นหาที่มีเพิ่มเติมคือ ระบบสร้างภาพด้วยสัญญานอินฟราเรดและกล้องโทรทัศน์ซึ่งเป็นระบบค้นหาภาครับ ทำให้ C-802 A เป็นอาวุธที่มีระบบค้นหาและระบบนำวิถีทั้งภาครับและภาคส่ง นอกจากนี้ก็ยังมีระบบดาตาลิงค์ เชื่อมต่อกับระบบค้นหาและนำวิถีต่างๆ ของอาวุธในการถ่ายทอดข้อมูลของเป้าให้กับอาวุธนำวิถีระหว่างการโคจรเมื่อทำการยิงพ้นระยะขอบฟ้าโดยใช้อากาศยานเป็นส่วนถ่ายทอดคำสั่งเพื่อปรับแต่งวิถีโคจรของอาวุธ การมีระบบค้นหาและนำวิถีทั้งภาครับภาคส่ง ทำให้อาวุธไม่สามารถถูกรบกวนได้จากมาตรการต่อต้านทางอิเลคโทรนิคของฝ่ายข้าศึก และทำให้อาวุธมีโอกาสที่จะถูกเป้ามากกว่า 90 %

อาวุธนำวิถี C-802 A ติดตั้งในเรือฟริเกต Zulfiquar ของกองทัพเรือปากีสถาน

ล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม ปีนี้ ทางกองทัพเรือปากีสถานได้ทำการยิงอาวุธนำวิถี C-802 A ในทะเลอาหรับ จากเรือฟริเกต Zulfiquar (หมายเลข 251) ซึ่งเป็นเรือฟริเกตใหม่ของกองทัพเรือปากีสถานที่จัดหาจากประเทศจีน จำนวน 3 ลำ และเพิ่งเข้าประจำการเมื่อกลางปี 2552 ต่อเป้าเรือฟริเกตเก่าที่ปลดประจำการแล้ว ผลปรากฎว่า C-802 A สามารถพุ่งชนเป้าได้อย่างแม่นยำ



ข้อมูลของอาวุธนำวิถี C-802 A
ผู้ผลิต :  สถาบัน China Haiying Electromechanical Technology Academy แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
น้ำหนักสุทธิ :   802 กิโลกรัม
ยาว :   6.392 เมตร (รวมบูสเตอร์)
เส้นผ่าศูนย์กลางลำตัว :   36 เซนติเมตร
ความกว้างปีกกาง :   1.22 เมตร
หัวรบ :   เจาะเกราะ/ ระเบิดแรงสูง แบบหน่วงเวลา
น้ำหนักหัวรบ :   165 กิโลกรัม
เครื่องยนต์ :   เทอร์โบเจ็ต
ระยะยิง :   180 กิโลเมตร
ความเร็ว :   0.9 มัค

By Sukom / www.thaidefense-news.blogspot.com

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 มกราคม 2555 เวลา 08:41

    สุดยอดครับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ31 มกราคม 2555 เวลา 03:51

    อย่างนี้สิถึงจะแจ๋ว

    ตอบลบ
  3. ผมได้ยินมาว่า c802 ที่ทางปาเลสไตหรือซีเรียเนี่ยแหละได้c802จากอิหร่านซึ่งอิหร่านได้มาจากจีนอีกทียิงเรือรบของอิสราเอลที่ทันสมัยได้อย่างแม่นยําแม้เรือจะทําการต่อต้านแล้วก็ตาม

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ29 ธันวาคม 2565 เวลา 22:08

    ดีมากครับ ที่เราเปลียนจรวดจากมี่ยิงได้ไกล42 กม.มาเป็น180กม. โดยไม่ต้องเปลี่ยนเรือ ทำให้ประหยัด งปม.ได่มหาศาล

    ตอบลบ